บทสรุป
ผลการศึกษาของเรายืนยันความสำคัญของการกลายพันธุ์ JAK2V617F ไม่เพียงแต่เป็นตัวบ่งชี้การวินิจฉัยโรค MPNs (myeloproliferative neoplasms หรือกลุ่มโรคไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดผิดปกติ) เท่านั้น แต่ยังอาจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโรคไปเป็น AML (acute myeloid leukemia หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอีลอยด์) และการดื้อต่อยาบางชนิดด้วย
เราพบว่าการกลายพันธุ์นี้ยังคงอยู่แม้จะได้รับการรักษาด้วยยาเพื่อลดจำนวนเซลล์ (cytoreductive agents) หรือยากลุ่มกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของยีน (hypomethylating agents) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจำเป็นต้องหาวิธีรักษาที่เจาะจงมากขึ้น
จากการทดสอบในระดับโมเลกุลพบว่า Epigallocatechin Gallate (EGCG) ซึ่งเป็นสารที่พบในชาเขียว มีความสามารถจับตัวกับโปรตีน JAK2V617F ได้ดี โดยไปจับกับบริเวณสำคัญที่ควบคุมการทำงานของเอนไซม์ JAK2 ทำให้ EGCG อาจมีศักยภาพเป็นตัวยับยั้งแบบใหม่ที่ออกฤทธิ์เฉพาะต่อโปรตีนที่ผิดปกติชนิดนี้
ดังนั้น จึงควรมีการศึกษาต่อเนื่อง เช่น
-
การจำลองการทำงานของโมเลกุล (molecular dynamics simulations)
-
การทดลองในห้องแล็บกับเซลล์ MPN และ AML ที่มีการกลายพันธุ์ JAK2V617F
-
การทดลองก่อนใช้จริงในมนุษย์ (preclinical studies)
เพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพและความเป็นไปได้ของ EGCG ในการเป็นยารักษาที่ตรงเป้า การศึกษานี้จะช่วยดูผลต่อการอยู่รอดของเซลล์ การกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็ง (apoptosis) และการปรับการทำงานของเส้นทาง JAK–STAT
ในระยะยาว ผลลัพธ์เหล่านี้จะช่วยยืนยันข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ทางคอมพิวเตอร์ และเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการพัฒนายาใหม่สำหรับการรักษาผู้ป่วย MPN และ AML ที่เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ JAK2V617F โดยการมุ่งเป้าไปที่บริเวณ JH2 domain ถือเป็นแนวทางที่มีความหวังในการพัฒนาการรักษาเฉพาะบุคคลต่อไป