KNOW THE BASICS
รู้พื้นฐาน
ACUTE PROMYELOCYTIC LEUKEMIA (APL)
มะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบโพรไมอีโลไซติกชนิดเฉียบพลัน (APL)
ACUTE PROMYELOCYTIC LEUKEMIA (APL) IS A RARE FORM
OF LEUKEMIA, WITH ONLY A FEW THOUSAND PATIENTS
DIAGNOSED GLOBALLY EACH YEAR, MOST OFTEN IN ADULTS
AROUND THE AGE OF 40. IT MAY ALSO BE REFERRED TO AS
AML (ACUTE MYELOID LEUKEMIA) SUBTYPE M3.
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแบบโพรไมอีโลไซติก (APL) เป็นรูปแบบที่หายากของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยมีผู้ป่วยเพียงไม่กี่พันคนได้รับการวินิจฉัยทั่วโลกในแต่ละปี พบบ่อยที่สุดในผู้ใหญ่เมื่ออายุประมาณ 40 ปี อาจเรียกอีกอย่างว่า AML (มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแบบไมอีลอยด์) ชนิดย่อย M3
APL IS CAUSED BY A VERY SPECIFIC GENETIC ABNORMALITY
(PML/RARA) THAT PREVENTS CERTAIN BLOOD CELLS FROM
CORRECTLY DEVELOPING. THESE UNDEVELOPED CELLS, OR
PROMYELOCYTES, BLOCK THE BONE MARROW AND PREVENT IT FROM PRODUCING THE CORRECT CELLS THE BODY NEED
APL เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เจาะจงมาก
(PML/RARA) ที่ป้องกันเซลล์เม็ดเลือดบางชนิดจาก
การพัฒนาอย่างถูกต้อง เซลล์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเหล่านี้หรือ
โพรไมอีโลไซต์ ปิดกั้นไขกระดูกและป้องกันมัน
จากการผลิตเซลล์ที่ถูกต้องตามที่ร่างกายต้องการ
DURING YOUR TREATMENT, THERE WILL BE MANY TERMS AND MEASUREMENTS THAT MAY BE UNCLEAR OR CONFUSING. ALWAYS ASK YOUR MEDICAL TEAM TO EXPLAIN FURTHER IF YOU DO NOT UNDERSTAND.
ในระหว่างการรักษาของคุณ จะมีข้อกำหนดและเงื่อนไขมากมายที่อาจไม่ชัดเจนหรือสับสน เสมอ ขอให้ทีมแพทย์ของคุณอธิบายเพิ่มเติมหากคุณไม่เข้าใจ.
SIGNS AND SYMPTOMS
สัญญาณและอาการ
APL SHARES MANY SYMPTOMS WITH OTHER TYPES OF LEUKEMIA:
APL มีอาการหลายอย่างเช่นเดียวกันกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวประเภทอื่นๆ:
PALENESS
ซีด
SHORTNESS OF BREATH
หายใจถี่
CHILLS
หนาวสั่น
BRUISING
ฟกช้ำ
FATIGUE
เหนื่อยล้า
UNEXPLAINED WEIGHT LOSS
น้ำหนักลดที่ไม่สามารถอธิบายได้
NIGHTSWEATS
เหงื่อออกกลางคืน
FEVER
มีไข้
HOWEVER, APL CAN RAPIDLY BECOME MORE SEVERE DUE TO A SPECIFIC ADDITIONAL SYMPTOM. APL IS CHARACTERISED BY COAGULOPATHY. THIS DISORDER OF BLOOD CLOTTING CAN INCLUDE BOTH EXCESSIVE BLEEDING AND CLOTTING, WHICH MAY RESULT IN ANY OF THE FOLLOWING:
อย่างไรก็ตาม APL อาจรุนแรงมากขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากอาการที่เกิดเพิ่มเติมเฉพาะ APL มีลักษณะเฉพาะโดยการแข็งตัวของเลือด ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือดสามารถ
รวมถึงเลือดออกและการแข็งตัวที่มากเกินไปซึ่งอาจส่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
BLEEDING GUMS
มีเลือดออกที่เหงือก
BLACK OR TARRY POO (BLEEDING IN THE GUT)
อุจจาระสีดำ (มีเลือดออกในลำไส้)
PROBLEMS WITH SPEECH OR MOVEMENT (BLEEDING IN THE BRAIN)
ปัญหาเกี่ยวกับคำพูดหรือการเคลื่อนไหว (เลือดออกในสมอง)
DIFFICULTY IN WOUND HEALING
ความยากลำบากในการรักษาบาดแผล
PAIN OR SWELLING IN THE LEG (BLOOD CLOTS IN LEG OR ABDOMEN)
ปวดหรือบวมที่ขา (เลือดอุดตันที่ขาหรือช่องท้อง)
PAINFUL CHEST OR DIFFICULTY BREATHING (BLOOD CLOTS IN THE LUNG)
หน้าอกเจ็บปวดหรือหายใจลำบาก (เลือดอุดตันในปอด)
HEADACHES, VOMITTING OR VISION PROBLEMS (BLOOD CLOTS IN BRAIN)
ปวดศีรษะ อาเจียน หรือปัญหาการมองเห็น (เลือดอุดตันในสมอง)
AS A RESULT OF THE POTENTIAL SEVERITY OF THESE SYMPTOMS, WHEN APL IS SUSPECTED, THEN TREATMENT MAY BE STARTED BEFORE IT HAS EVEN BEEN FULLY CONFIRMED BY LABORATORY TESTING. THERE IS NO ADDITIONAL RISK FROM STARTING THE APL TREATMENT EARLY
อันเป็นผลมาจากความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นของอาการเหล่านี้
เมื่อสงสัยว่าเป็น APL อาจเริ่มการรักษาได้
ก่อนที่จะได้รับการยืนยันโดยการทดสอบในห้องปฏิบัติการอย่างสมบูรณ์
ไม่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอะไรจากการรักษา APL ตั้งแต่เนิ่นๆ
TREATMENT
FEW MONTHS : INDUCTION (REMISSION INDUCTION)
FEW MONTHS : CONSOLIDATION (INTENSIFICATION)
MAINTENANCE
- INDUCTION (REMISSION INDUCTION)
ระยะแรกชักนำ (ชักนำให้โรคสงบ)
DEPENDING UPON THE SEVERITY WHEN DIAGNOSED AND THE PROGRESS OF TREATMENT, THIS TREATMENT MAY BE INPATIENT.
ขึ้นอยู่กับความรุนแรงเมื่อได้รับการวินิจฉัยและ
ความคืบหน้าของการรักษา การรักษานี้อาจต้องเป็นผู้ป่วยใน
UNLIKE OTHER LEUKEMIAS, APL IS TREATED USING SPECIFIC
MEDICATIONS THAT ALLOW THE UNDEVELOPED CELLS TO DEVELOP INTO A FORM, CALLED NEUTROPHILS, THAT THE BODY CAN THEN ELIMINATE NORMALLY. THIS CAN UNBLOCK THE BONE MARROW AND REDUCE THE RISKS FROM BLEEDING AND CLOTTING. THESE MEDICATIONS, ATRA (ALL-TRANS RETINOIC ACID) AND ATO (ARSENIC TRIOXIDE), CAN BE USED ALONGSIDE OTHER CHEMOTHERAPY AGENTS FOR A FEW MONTHS. THE INDUCTION PHASE WILL CONTINUE UNTIL COMPLETE REMISSION IS REACHED, TYPICALLY 1 TO 2 MONTHS.
ไม่เหมือนกับมะเร็งเม็ดเลือดขาวอื่นๆ APL ได้รับการรักษาด้วย
ยาเฉพาะที่ช่วยให้เซลล์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาสามารถพัฒนาได้
ให้อยู่ในรูปแบบที่เรียกว่านิวโทรฟิล ซึ่งร่างกายสามารถ
กำจัดตามปกติ สิ่งนี้สามารถปลดล็อคไขกระดูกและ
ลดความเสี่ยงจากการมีเลือดออกและการแข็งตัวของเลือด
ยาเหล่านี้, ATRA (กรดเรติโนอิกทรานส์ทั้งหมด) และ ATO
(ARSENIC TRIOXIDE) สามารถใช้ร่วมกับ
ยาเคมีบำบัดเป็นอื่นๆได้ในช่วงสองสามเดือน ระยะการรักษาชักนำ
นี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้ภาวะโรคสงบโดยสมบูรณ์
โดยทั่วไปประมาณใช้เวลา 1 ถึง 2 เดือน
IF APL IS DETECTED IN THE BRAIN OR SPINAL CORD
(EXTRAMEDULLARY) OR YOU HAVE CERTAIN HIGHER RISK
FACTORS, THEN DRUGS MAY BE INJECTED DIRECTLY INTO YOUR SPINE. THIS IS KNOWN AS ITT (INTRATHECAL THERAPY).
หากตรวจพบ APL ในสมองหรือไขสันหลัง
(EXTRAMEDULLARY) หรือคุณมีปัจจัยความเสี่ยงสูงกว่า
ดังนั้นยาอาจถูกฉีดเข้าไปในกระดูกสันหลังของคุณโดยตรง สิ่งนี้เรียกว่า ITT (การบำบัดภายใน)
DURING BOTH THIS PHASE AND CONSOLIDATION, YOU MAY ALSO RECEIVE TRANSFUSIONS OF BLOOD PRODUCTS WHICH WILL HELP TO MANAGE THE ISSUES ASSOCIATED WITH COAGULOPATHY
ในระหว่างทั้งระยะนี้และระยะควบรวมเข็มข้น คุณยังอาจได้
รับการถ่ายเลือดเพื่อช่วยจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด
WHAT’S THE DIFFERENCE?
ความแตกต่างคืออะไร?
COMPLETE REMISSION
โรคสงบอย่างสมบูรณ์
WHEN THE LEVEL OF LEUKEMIA CELLS IN YOUR BLOOD MARROW IS LESS THAN 5% AND NO LEUKEMIA CELLS ARE VISIBLE UNDER THE MICROSOCOPE.
เมื่อระดับเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในไขกระดูกของคุณน้อยกว่า 5%
และไม่มีเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวที่มองเห็นได้ภายใต้กล้องจุลทรรศน์
COMPLETE MOLECULAR REMISSION
โรคสงบในระดับโมเลกุลอย่างสมบูรณ์
THERE IS NO DETECTABLE EVIDENCE OF LEUKEMIA.
ไม่มีหลักฐานที่สามารถตรวจพบได้ของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- CONSOLIDATION ระยะควบรวมเข้มข้น
ONCE APL IS IN REMISSION, THEN THE CONSOLIDATION PHASE WILL BEGIN. THIS PHASE AIMS TO DESTROY ANY REMAINING LEUKEMIA CELLS AND HELP PREVENT RELAPSE. THIS PHASE WILL USUALLY MOSTLY BE OUTPATIENT TREATMENT AND CONTINUES THE USE OF THE SAME MEDICATIONS USED DURING INDUCTION. CONSOLIDATION AIMS TO ACHIEVE COMPLETE MOLECULAR REMISSION
เมื่อ APL อยู่ในภาวะโรคสงบแล้ว ระยะควบรวมเข้มข้นจะเริ่มต้นขึ้น. ระยะนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวที่หลงเหลืออยู่
และช่วยป้องกันการกลับมาของโรค ระยะนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอกและยังคงใช้ยาชนิดเดียวกันที่ใช้ในระหว่างการชักนำต่อไป
การรักษาควมรวมเข้มข้น มุ่งหวังที่จะบรรลุผล โรคสงบระดับโมเลกุลโดยสมบูรณ์
- MAINTENANCE การดูแลรักษา
(POST CONSOLIDATION THERPY)
(การบำบัดหลังการรักษาแบบควบรวมเข้มข้น)
DUE TO THE NATURE OF APL, ADDITIONAL TREATMENT MAY CONTINUE AFTER CONSOLIDATION IS COMPLETED. THIS WILL USUALLY BE LOWER DOSES OF ONE OR BOTH APL SPECIFIC DRUGS, ATRA AND ATO. THIS MAINTENANCE PHASE CAN LAST AROUND 12 MONTHS.
เนื่องจากธรรมชาติของ APL อาจมีการรักษาเพิ่มเติม
หลังจากการรักษาแบบควบรวมเข้มข้นเสร็จสิ้น
โดยปกติแล้วจะมีการลดขนาดยาที่ต่ำกว่าของยาเฉพาะของ APL หนึ่งหรือทั้งสองชนิด
คือเอทราและเอทีโอ ขั้นตอนการดูแลรักษานี้สามารถอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
SIDE EFFECTS: ผลข้างเคียง
VARIOUS SIDE EFFECTS CAN BE CAUSED BY THE TREATMENT. THESE MAY REQUIRE MODIFICATIONS TO THE TREATMENT REGIME. ANY SIDE EFFECTS CAN BE SERIOUS AT ANY STAGE, SO DO TELL THE MEDICAL TEAM STRAIGHT AWAY. DON’T BE EMBARRASSED OR AFRAID TO TELL THEM DETAILS THAT YOU MAY FEEL ARE VERY PERSONAL
ผลข้างเคียงต่างๆ อาจเกิดจากการรักษา เหล่านี้อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการรักษา
ผลข้างเคียงต่างๆสามารถร้ายแรงได้ในทุกขั้นตอน ดังนั้นโปรดบอกทีมแพทย์ทันที อย่าอายหรือ
กลัวที่จะบอกรายละเอียดที่คุณอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ
THE DIFFERING MEDICATIONS AND TREATMENTS CAN PRODUCE MANY SIMILAR SIDE EFFECTS. YOUR MEDICAL TEAM WILL BE ABLE TO DECIDE THE CORRECT RESPONSE BASED UPON THE COURSE OF TREATMENT AND MEASUREMENTS TAKEN
ยาและการรักษาที่แตกต่างกันสามารถก่อให้เกิด
ผลข้างเคียงที่คล้ายกันหลายประการ ทีมแพทย์ของคุณจะสามารถตัดสินใจของการตอบสนองที่ถูกต้องตามหลักสูตรของการรักษาและการวัดผล
NAUSEA
คลื่นไส้
DIARRHOEA
ท้องร่วง
HAIR LOSS
ผมล่วง
CHEST PAIN
เจ็บหน้าอก
FEVER
มีไข้
FATGUE
เหนื่อยล้า
WEITHT GAIN
น้ำหนักเพิ่ม
SWELLING
บวม
RACHES
เป็นผื่น
CONFUSION
สับสน
DIFFERENTIATION SYNDROME
กลุ่มอาการที่แทรกซ้อน
ATRA AND AOL WORK BY FORCING THE UNDEVELOPED CELLS TO MATURE QUICKLY. IF THEY MATURE TOO QUICKLY, THEN THE BODY CAN STRUGGLE TO COPE. THIS IS MOST LIKELY TO OCCUR DURING THE FIRST THREE WEEKS OF TREATMENT. IF YOU HAVE A HIGH INITIAL WHITE BLOOD CELL COUNT OR IT RISES WHEN TREATMENT STARTS, THEN YOUR DOCTOR MAY SUGGEST STEROIDS TO REDUCE THE RISK OF DIFFERENTIATION SYNDROME.
ATRA และ AOL ทำงานโดยการบังคับเซลล์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นเซลล์ตัวแก่อย่างรวดเร็ว หากพวกมันกลายเป็นตัวแก่เร็วเกินไปแล้วร่างกายต้องลำบากเพื่อรับมือ สิ่งนี้น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดในระหว่างสามสัปดาห์แรกของการรักษา หากคุณมี
จำนวนเม็ดเลือดขาวที่สูงเริ่มแรกหรือเพิ่มขึ้นเมื่อเริ่มทำการรักษา
แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้ใช้ยาสเตียรอยด์เพื่อลด
ความเสี่ยงของอาการที่แทรกซ้อน
ATRA SIDE EFFECTS
ATRA MAY BE HARMFUL TO A BABY CONCEIVED OR DEVELOPING DURING TREATMENT. IT IS IMPORTANT THAT CONTRACEPTION IS USED TO AVOID EITHER PREGNANCY OR FATHERING A CHILD
ATRA อาจเป็นอันตรายต่อทารกที่เกิดเป็นตัวขึ้นแล้วหรือกำลังคลอดระหว่างการรักษา
การคุมกำเนิดเป็นสิ่งสำคัญ ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์หรือการให้กำเนิดลูก
LONG TERM FERTILITY
ภาวะเจริญพันธุ์ระยะยาว
THE CHEMOTHERAPY GIVEN FOR APL CAN AFFECT LONG TERM FERTILITY (ESPECIALLY FOR MEN). AS TREATMENT WILL USUALLY HAVE TO START VERY QUICKLY, THERE IS RARELY TIME FOR WOMEN TO PRESERVER THEIR EGGS, HOWEVER MEN MAY HAVE THE OPPORTUNITY TO FREEZE SPERM FOR THE FUTURE.
เคมีบำบัดที่ให้กับ APL สามารถส่งผลกระทบภาวะเจริญพันธุ์ในระยะยาว (โดยเฉพาะสำหรับผู้ชาย) โดยปกติแล้วการรักษาจะต้องเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว มีเวลาไม่มากนักให้ผู้หญิงเก็บรักษาไข่ไว้ อย่างไรก็ตามผู้ชายมีโอกาสในการแช่แข็งอสุจิเพื่ออนาคต
LIFE AFTER APL
DEPENDING UPON YOUR STATUS AT THE END OF TREATMENT, TESTING MAY VARY. BUT IN GENERAL YOU WILL HAVE CHECKUPS EVERY 1-2 MONTHS FOR THE FIRST YEAR AND THEN EVERY 3-4 MONTHS FOR THE NEXT TWO YEARS
ขึ้นอยู่กับสภาพของคุณเมื่อสิ้นสุดการรักษา
การทดสอบอาจแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปคุณจะต้องมีการตรวจสุขภาพ
ทุก 1-2 เดือนสำหรับปีแรกและทุกๆ 3-4 เดือนในสองปีข้างหน้า
AROUND 90% OF PATIENTS WILL GO INTO REMISSION AFTER INDUCTION, WITH 80%-90% STAYING IN LONG TERM REMISSION
ผู้ป่วยประมาณ 90% จะเข้าสู่ภาวะโรคสงบหลังจากการรักษาระยะชักนำ
โดยที่ 80%-90% จะคงอยู่ในภาวะโรคสงบในระยะยาว
WHAT IF APL COMES BACK?
จะเกิดอะไรขึ้นถ้า APL กลับมา?
IF APL DOES NOT RESPOND PROPERLY TO THE INDUCTION PHASE, THEN THIS IS KNOWN AS REFRACTORY APL. IF APL RETURNS AFTER REMISSION, THEN THIS IS KNOWN AS A RELAPSE. IF THIS OCCURS, THEN MORE TREATMENT OPTIONS AND MEDICATION COMBINATIONS ARE POSSIBLE.
หาก APL ไม่ตอบสนองอย่างเหมาะสมต่อระยะการชักนำ
เป็นเช่นนี้แล้วเรียกว่า APL ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา หาก APL กลับมาหลังภาวะ
โรคสงบแล้ว เรียกว่าเป็น โรคกลับมาใหม่ หากสิ่งนี้เกิดขึ้น ทางเลือกของการรักษาและการผสมผสานการให้ยาต่างๆก็เป็นไปได้
STEM CELL TRANSPLANT
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด
IF THE APL FAILS TO RESPOND TO THE NORMAL MEDICATION REGIMES, THEN EITHER AUTOLOGOUS OR ALLOGENIC STEM CELL TRANSPLANTS MAY BE CONSIDERED.
หาก APL ไม่ตอบสนองต่อสูตรการรักษาตามปกติ ดังนั้นอาจพิจารณาทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดไม่ว่าแบบอัตโนโลเจียสหรือแบบอัลโลเจนิก
AN AUTOLOGOUS STEM CELL TRANSPLANT USES YOUR OWN BONE MARROW TO SUPPLY STEM CELLS. THESE ARE TREATED IN THE LABORATORY TO REMOVE ALL SIGNS OF LEUKEMIA BEFORE BEING REIMPLANTED. AN ALLOGENIC STEM CELL TRANSPLANT USES THE BONE MARROW OF A DONOR TO SUPPLY STEM CELLS
การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ออโต้โลเจียส จะใช้ไขกระดูกของคุณเอง
เพื่อจัดหาสเต็มเซลล์ สิ่งเหล่านี้ได้รับการรักษาใน
ห้องปฏิบัติการเพื่อกำจัดสัญญาณของมะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้งหมดก่อนเริ่มการ
ปลูกถ่ายอีกครั้ง
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดแบบอัลโลจินิกใช้ไขกระดูก
ของผู้บริจาคเพื่อจัดหาสเต็มเซลล์
IN BOTH CASES, YOU WILL RECEIVE INPATIENT TREATMENT, WHERE HIGH DOSAGE CHEMOTHERAPY IS USED TO DESTROY ANY CANCER CELLS. ONCE THIS IS COMPLETED, THEN THE NEW HEALTHY STEM CELLS ARE INFUSED BACK INTO YOUR SYSTEM.
ในทั้งสองกรณี คุณจะได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยในที่ต้องใช้
เคมีบำบัดขนาดสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว เซลล์ต้นกำเนิดใหม่ที่แข็งแรง
จะถูกใส่กลับเข้าสู่ระบบของคุณ
GETTING HELP ขอความช่วยเหลือ
THROUGHOUT YOUR TREATMENT AND BEYOND, IT IS IMPORTANT THAT YOU GET THE HELP YOU NEED, BOTH PHYSICAL AND EMOTIONAL. THIS APPLIES NOT JUST TO THE PATIENT, BUT TO THOSE AROUND THEM TOO. WE ENCOURAGE YOU ALL TO REACH OUT TO PATIENT ORGANISATIONS. THESE ORGANISATIONS CAN OFFER A WIDE RANGE OF SUPPORT AND GUIDANCE FOR EVERYONE AFFECTED BY THE DIAGNOSIS, FROM PEOPLE WHO UNDERSTAND WHAT IT IS REALLY LIKE. YOU DO NOT NEED TO FACE THIS ALONE
ตลอดการรักษาของคุณและนอกเหนือจากนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่
คุณต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างที่ต้องการ ทั้งทางร่างกายและ
ทางอารมณ์. สิ่งนี้ใช้ไม่เพียงแต่กับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังรวมถึง
คนที่อยู่รอบตัวด้วย เราสนับสนุนให้คุณติดต่อกับองค์กรผู้ป่วย องค์กรเหล่านี้สามารถให้การสนับสนุนและคำแนะนำต่างๆสำหรับทุกคน
ที่ได้รับผลกระทบจากการวินิจฉัย จากผู้ที่เข้าใจ
มันอย่างจริงๆ คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญสิ่งนี้เพียงลำพัง